Rangsiman Rome

การอภิปราย

อุ้มหายวันเฉลิม

(รัฐบาล) เปรียบเสมือนลาแก่ที่นอนแน่นิ่ง ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ต้องรอให้เอาแส้มาฟาด ให้เอาน้ำร้อนมาสาด ให้สังคมมากดดัน ถึงจะสะดุ้งลุกขึ้นมาแล้วกล่าวต่อสื่มวลชนว่า ได้มีการประสานไปกับทางการกัมพูชาแล้ว

กรณีที่คุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยและได้พำนักอยู่ในประเทศกัมพูชามาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 ถูกอุ้มหายไปเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 เราต้องยอมรับว่าไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด การบังคับให้บุคคลคนหนึ่งสูญหายนั้น ไม่มีทางเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือยอมรับได้เลย และเป็นการกระทำต่อมนุษย์ด้วยกันที่เหี้ยมโหดที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะคนรอบตัวของเหยื่อจะไม่อาจจะทราบถึงชะตากรรมของบุคคลที่พวกเขารักได้

ในวันที่ทราบข่าวพวกเราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางช่วยเหลือและป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยได้อีก

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลกรณีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ต้องหา ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ลี้ภัย ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม เขาก็ยังเป็นประชาชนชาวไทย ซึ่งในกรณีนี้ได้ปรากฎภาพชัดเจนว่าได้ถูกกลุ่มบุคคลอุ้มหายไป รัฐบาลต้องมีท่าที หรือแสดงความพยายามมากกว่านี้ กระตือรือร้นมากกว่านี้ ในการที่จะตามหาตัวคุณวันเฉลิมให้พบ
 
ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมได้ตั้งกระทู้ถามสด ถามนายกรัฐมนตรีในประเด็นนี้ 
 
ในส่วนของกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม ผมได้นำหนังสือร้องเรียนเสนอเข้าที่ประชุม และคาดว่าประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป
 
และสุดท้ายในนามพรรคก้าวไกล เราได้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทําให้บุคคลสูญหาย ที่ภาคประชาชนและองค์กรสิทธิมนุษยชน ได้ร่วมกันยกร่างขึ้นมา 
 
ภายหลังจากมีกรณีอุ้มหายคุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ กรณีการบังคับบุคคลให้สูญหายและการซ้อมทรมานได้กลับมาเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอีกครั้ง ซึ่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้มีมติให้คณะอนุกรรมาธิการศึกษาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศึกษาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ ซึ่งได้นำไปสู่การร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบันครับ

ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลสูญหายฉบับนี้ จะช่วยให้การติดตามสืบสวนสอบสวนคดีเกี่ยวกับการทรมานและการอุ้มหายไม่ถูกกีดขวางด้วยกรอบของระยะเวลาและสถานที่ โดยกำหนดให้คดีเหล่านี้ไม่มีอายุความ และบังคับได้กับคดีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศหากผู้กระทำหรือผู้เสียหายเป็นคนไทย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำให้การกระทำอันโหดเหี้ยมอำมหิตนี้สิ้นสุดลง คืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อทุกคนในอดีต และป้องกันไม่ให้มีใครหรือครอบครัวไหนต้องมาตกอยู่ในวังวนของความทุกข์ทรมานจากการมิอาจทราบชะตากรรมของญาติมิตรดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาได้อีกครับ